หลังจากที่ย้ายออกจากกรุงโรมเพื่อแสวงหาความท้าทาย จากคำเชิญชวนของอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง นิโกลัส บูร์ดิสโซ่ ที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร โบคา จูเนียร์ส จนตกลงปลงใจเซ็นสัญญากับยอดทีมแห่งอาร์เจนติน่า
ในที่สุดเส้นทางลูกหนังอันยาวนานของโคตรแข้งลูกผู้ชายของ เด รอสซี่ ก็จบลงด้วยเสียงปรบมืออันกึกก้องจากเหล่าสาวก Azul y Oro (แฟนบอลโบคา จูเนียร์ส)
ที่ถึงแม้เขาจะมาเล่นไม่ถึง 1 ปีแต่ก็เป็นที่รักของแฟนบอลในเวลาอันสั้น ทิ้งผลงานตลอดอาชีพการค้าแข้ง 19 ปี เอาไว้ให้แข้งรุ่นหลังได้ชื่นชม
แน่นอนว่าชีวิตของ เด รอสซี่ จุดไฮไลท์สำคัญก็คือความรักที่มีให้ต่อ อาแอส โรม่า สโมสรแรกและสโมสรเดียวที่เขารับใช้มาอย่างยาวนาน ด้วยการลงสนาม 616 ในทุกรายการรั้งอันดับ 2 นักเตะที่ลงสนามมากที่สุด ตามหลังรุ่นพี่อย่าง ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ที่ทำไว้ 786 นัด
แม้จะเปลี่ยนมาหลายยุคหลายสมัย แต่กัปตันพันธุ์ดุก็ยืนปักหลักเคียงข้างเพื่อนร่วมทีมใหม่ๆที่ตบเท้าเข้ามาในทุกปี โดยถึงแม้ปลายทางของเขากับ หมาป่าแห่งกรุงโรม จะจบลงแบบไม่สวยงามซักเท่าไหร่ เนื่องด้วยปัญหากับเจ้าของทีมชุดใหม่
และการที่ฮีโร่ของเขา "ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ" ถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดี
แต่ถึงอย่างนั้น เด รอสซี่ เองก็ไม่เคยหมดรักในทีมของเขาและยังเอาใจช่วยเสมอมา
ก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ เส้นทางของ เด รอสซี่ กับโรม่าในบทบาทอื่นจะเกิดขึ้นหรือไม่ในเร็วๆนี้ เพราะล่าสุดมีรายงานว่ามหาเศรษฐีชาวอเมริกัน แดเนี่ยล ฟรีดคิน เตรียมยื่น 750 ล้านยูโร เพื่อขอซื้อสโมสรเนื่องจากชาวกรุงโรมไม่พอใจบอร์ดชุดปัจจุบันเป็นอย่างมาก